นโยบาย Cookie

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ (Cookies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ท่าน การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายที่แจ้งในเบื้องต้น

เมนู

“การท่องเที่ยวเชิงอาหาร” ผลพวงจาก Phuket : City of Gastronomy และงานวิจัยของ PKRU

  • พ.ค. 20, 2564
  • 4857
DSC03704
 
(PRPKRU Content) หากเราข้ามเรื่องโควิด กลับไปสู่ช่วงเวลาที่ “Phuket : Sea Sun Sand” เกลียวคลื่นสีครามที่พัดพานักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก เข้ามาสัมผัสสีสันออนเดอะบีชระดับเวิลด์คลาสที่นี่ “จังหวัดภูเก็ต” ไต่เพดานความนิยมมากและมากขึ้นทุกปี จนต้องจัดระบบสถิตินับจำนวนนักท่องเที่ยวหลักหลายล้านคน เพื่อประกาศศักดาถึงคุณภาพการท่องเที่ยวของเรา 
 
แต่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการท่องเที่ยวระดับอินเตอร์ เรา (ภูเก็ต) จะสามารถนำเสนอ “ของ” ที่เรามีอยู่ในวิถี/ช่ำชอง/และเป็นรากเหง้าที่ไม่ต้องประดิดประดอย หรือเซทอัพ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับประสบการณ์การท่องเที่ยว และเป็นการกระจายรายได้สู่ระบบเศรษฐกิจในระดับชุมชนได้อย่างไร การยกระดับ “อาหารท้องถิ่นภูเก็ต” เป็นประเด็นที่ “เทศบาลนครภูเก็ต” มุ่งหวังผลักดันให้ภูเก็ต มีชื่อจารึกโดย ยูเนสโก UNESCO (ชื่อเต็ม : องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ซึ่งได้มีการเลือกสรรเมืองทั่วโลกให้รับรางวัลเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหารโลก ประเด็นของตำรับอาหารคือสิ่งที่ภูเก็ตพร้อม แต่เรื่องของ “วิทยาการ” ที่จำเป็นต้องอธิบายความในรูปแบบของ “งานวิจัยทางวิชาการ” เป็นจิ๊กซอว์ที่ชี้วัดผลลัพธ์ และหน้าที่นั้นตกเป็นของทีมนักวิจัยจาก “มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต”  (คลิกอ่านบทความต้นฉบับ)
 
แม้จะทราบกันแล้วว่าภารกิจดังกล่าวสำเร็จ เกิดเป็น Phuket : City of Gastronomy แต่นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกับทีมงานวิชาการที่ช่วยหยิบเหยาะเครื่องปรุงอยู่นอกครัว แต่ส่งผลให้ตำรับอาหารจากก้นครัวของชาวภูเก็ต ได้แสดงศักยภาพให้นักชิมจากทั่วโลกหลั่งใหลมาลิ้มลอง
 
DSC03719
 
อาจารย์ ดร.อดุล นาคะโร และ อาจารย์ ดร.อมรรัตน นาคะโร ตัวแทนทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผู้ซึ่งมีโอกาสทำงานร่วมกับ เทศบาลนครภูเก็ต ในการวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ในชุมชนและเมือง ในมิติของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ให้ออกมาในรูปแบบของการรายงานเชิงคุณภาพที่เป็นแบบแผนและได้รับยอมรับโดย UNESCO ผ่านรูปแบบงานวิจัย กระทั่งเมื่อปี 2558 ภูเก็ตถูกรับรองเป็นเมืองอาหารโลกแห่งแรกของภูมิภาคอาเซียน และ 1 ใน 18 เมืองของโลก รวมถึงมหาวิทยาลัยยังมีส่วนในการต่อยอดคุณค่าผ่านกิจกรรมการสร้างสรรค์เมนูท้องถิ่นสู่ความร่วมสมัย โดย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
 
จากวันแรกที่ UNESCO การันตีจนถึงวันนี้ กระแส Phuket : City of Gastronomy ถูกรังสรรค์ในมิติของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เกิดเป็นการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ที่พบเห็นได้ตั้งแต่ร้านค้า Street Food จนถึงร้านอาหาร Michelin Star ล้วนมีการนำเสนออาหารท้องถิ่นภูเก็ตในรูปแบบ Creative Food จากสารตั้งต้นที่เข้มข้นโดย เทศบาลนครภูเก็ต และมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต 
 
phuket gastronomy training project 3 and 4th 6 20180209 1140768983
 
phuket gastronomy training project 3 and 4th 8 20180209 1524913967
 
00
 
ผ่านมาถึงปี 2564 นักวิจัยทั้งสองคน ได้นั่งอยู่กับเราอีกครั้ง เพื่อบอกเล่าถึงปัจจัยที่ว่าเหตุใด “ภูเก็ตจึงเป็นเมืองอาหารโลก” ระหว่างช่วงเวลาบนโต๊ะสนทนาของเรากับ อาจารย์ดุล และ อาจารย์มร นักวิจัยและนักสารสนเทศคนเก่งจาก PKRU ผู้อยู่เบื้องหลังในการบอกกล่าว Story เปี่ยมเอกลักษณ์ให้กับอาหารภูเก็ต สิ่งที่เราสัมผัสได้จากคำสัมภาษณ์ของบุคคลที่อยู่หลังม่านความสำเร็จของอาหารภูเก็ต คือ ความภูมิใจและยังคงแปลกใจ ที่เล่มผลงานศึกษาวิจัยในวันนั้นของ PKRU จะสามารถผลักดันให้อาหารภูเก็ตมาได้ไกลและเกิดประโยชน์กับคนท้องถิ่นอย่างชัดเจน 
 
iron chef thailand 15
 
iron chef thailand 23
 
“เหลือเชื่อค่ะว่าวันหนึ่งชาวต่างชาติจะลงทุนเดินทางมาไกลเพื่อชิมหมูฮ้อง โอ้เอ๋ว หมี่ฮกเกี้ยน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเมนูของคนรุ่นเก่า หาทานได้เพียงศูนย์อาหารพื้นเมือง หรือร้านค้าที่ขายมาตั้งแต่บรรพชน ตอนนี้เมนูเหล่านั้นถูกนำเสนอแบบร่วมสมัย เพิ่มมูลค่า และช่วยดึงดูดการท่องเที่ยวได้สำเร็จตามความมุ่งหวังของ เทศบาลนครภูเก็ต ที่ใช้รางวัลจาก UNESCO เป็นฟันเฟืองให้อาหารภูเก็ตได้แสดงศักยภาพได้อย่างเหนือความคาดหมายมาก ๆ ค่ะ ต้องขอบคุณเทศบาลนครภูเก็ต และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่เปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มีส่วนร่วมในโครงการ ตอนนี้เราได้ส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นนักสารสนเทศอันดามัน ที่มีทักษะในการจัดการฐานข้อมูลเกี่ยวกับอาหารท้องถิ่นและออกแบบสื่อดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อวัฒนธรรมสู่คนรุ่นใหม่” ดร.อมรรัตน บอกกับเรา
 
ทางด้าน ดร.อดุล ได้ตอบคำถามเราเกี่ยวกับปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการปักป้ายชื่อ Phuket : City of Gastronomy พร้อมขมวดข้อมูลอย่างกระชับว่า...ประกอบด้วย “1.เป็นอาหารที่เกิดจากพหุสังคม มีความความหลากหลายของชาติพันธุ์และวัฒนธรรม / 2.อาหารท้องถิ่นมีความสำคัญในทุกเทศกาลของภูเก็ต แทรกซึมในวิถีชีวิต / 3.อาหารมีอัตลักษณ์เด่นชัด เพราะเป็นสูตรเฉพาะที่ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น / 4.มีเอกภาพในการส่งเสริมการพัฒนาอาหารระหว่าง ภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน” 
 
Phuket City of Gastronomy 9
 
148321841920210305
 
158783152120210305
 
สำหรับบทบาททางวิชาการของทีมวิจัยที่เกิดขึ้นแบบเฉพาะกิจในขณะนั้น ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการจัดทำข้อมูลสำหรับการขอขึ้นรับรองเป็นเมืองอาหารโลก เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ตัวแทนทีมนักวิจัยจาก PKRU ได้รับเชิญจาก สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ร่วมแนะแนวทางจัดทำข้อมูลและงานวิจัยเพื่อเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยใช้การท่องเที่ยงเชิงอาหารสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนและเมือง ผลักดันสงขลาสู่เมืองอาหารโลก (Songkhla : City of Gastronomy) เนื่องด้วยโครงสร้างทางวัฒนธรรมของ ภูเก็ต และสงขลา มีความคล้ายคลึงในหลายส่วน โมเดลจากผู้ผลักดันภูเก็ตเมืองอาหารโลก จึงเป็นแนวทางที่จำเป็นต้องถอดบทเรียนหากสงขลาจะเดินตามรอยภูเก็ต 
 
เรื่องราวที่ได้บอกเล่าในครั้งนี้ เราเชื่อว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาททางวิชาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่ได้มีส่วนแทรกซึม สนับสนุน การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน แม้ว่าภูเก็ตจะได้เป็นเมืองอาหารโลกสมปรารถนา การท่องเที่ยวเชิงอาหารที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบเดิมที่โฟกัสเฉพาะชายหาดและรีสอร์ทได้เกิดขึ้น บทบาทและหน้าที่ของผู้สร้างสรรค์เมืองอาหารโลก ซึ่ง PKRU เป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มต้น ยังคงไม่สิ้นสุดหน้าที่ เพราะโลกยุคใหม่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วขึ้น พันธกิจในการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ยังคงเป็นปณิธานที่ยึดถือ และการต่อยอด ส่งเสริมคุณค่า ให้ภูเก็ตเป็นเมืองอาหารโลก ที่เกิดประโยชน์แก่ท้องถิ่นอย่างวัดผลได้ ยังคงเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานของ PKRU ไม่เปลี่ยนแปลง  
Top